Tokyo

6/24/2557

เดินเล่นฮาราจูกุ (Harajuku) แหล่งชอปปิ้งวัยรุ่น คอสเพลย์ ศาลเจ้าเมจิ

ฮาราจูกุ (Harajuku) เป็นย่านที่มีสีสันไม่แพ้ย่านอื่นในโตเกียว ย่านนี้เป็นย่านของวัยรุ่นญี่ปุ่น มีการแต่งชุดคอสเพลย์ตามตัวการ์ตูนที่ชื่นชอบ มีการแสดงดนตรี โชว์ความสามารถพิเศษให้คนที่ผ่านไปผ่านมาได้ชม ร้านค้า แหล่งชอปปิ้งในย่านนี้จะเน้นไปที่เสื้อผ้าแฟชั่นแบบวัยรุ่น และร้านกิ๊ฟช๊อปน่ารักๆ หลายร้านที่สามารถเดินดูกันได้ทั้งวันแบบไม่มีเบื่อ และนอกจากนี้ย่านฮาราจูกุยังเป็นที่ตั้งของศาลเจ้าเมจิ เป็นศาลเจ้าที่คนญี่ปุ่นเคารพ นับถือ ตั้งอยู่ในสวนป่าใหญ่ ท่ามกลางบรรยากาศแบบธรรมชาติ การเดินเล่นในฮาราจูกุควรใช้เวลาตั้งแต่ครึ่งวัน ไปจนถึงเต็มวัน แล้วแต่เวลาที่มีและความชอบของแต่ละคน
ในรีวิวนี้เราจะพาไปเที่ยวฮาราจูกุกันแบบครึ่งวัน ไปชมศาลเจ้าเมจิ ถนนทาเคชิตะแหล่งเสื้อผ้าวัยรุ่น วันที่ไปเป็นวันเสาร์ เราจะได้เห็นบรรยากาศฮาราจูกุแบบคึกคัก เต็มไปด้วยวัยรุ่นญี่ปุ่นในชุดเสื้อผ้าแฟชั่น
การเดินทางมาที่ฮาราจูกุวิธีที่สะดวกที่สุดคือการนั่งรถไฟมาลงที่สถานี JR Harajuku สถานีนี้มีหน้าตาที่แตกต่างไปจากสถานีอื่นในโตเกียว หน้าตาสถานีจะคล้ายกับสถานีรถไฟในชนบทของอังกฤษ  ถือว่าเป็นจุดหนึ่งที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูป
ถ้าเดินทางมาฮาราจูกุตั้งแต่เช้า ร้านค้าจะยังไม่ค่อยเปิดเท่าไหร่ ร้านแถวนี้จะเริ่มเปิดตั้งแต่ 10 โมง แนะนำว่าให้ไปเดินเล่นที่ศาลเจ้าเมจิเสียก่อน ซึ่งอยู่ติดกับสถานี JR Harajuku อีกทั้งการเดินชมศาลเจ้าเมจิในช่วงเช้าบรรยากาศจะร่มรื่น เย็นสบายกว่าตอนสายๆ และยังไม่มีทัวร์มาลง
ทางเจ้าไปยังศาลเจ้าเมจิจะเป็นทางเดินที่ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ใหญ่บรรยากาศเหมือนเดินในสวนป่า แทบไม่น่าเชื่อว่าในโตเกียวจะมีป่า ต้นไม่ใหญ่แบบนี้อยู่ด้วย มันเป็นบรรยากาศที่ค่อนข้างขัดแย้งกับเมืองใหญ่ที่เจริญสุดๆ ที่เต็มไปด้วยตึกใหญ่แบบโตเกียว
ร้านขายของที่ระลึก มีของเก๋ๆ หลายอย่างไม่ว่าจะเป็นร่มญี่ปุ่น เหล้าสาเก
ถังเหล้าสาเกที่ตั้งเรียงรายบริเวณทางเข้าศาลเจ้าเมจินั้นเป็นความเชื่อของชาวญี่ปุ่นที่นำเหล้าสาเกไปบูชาเทพเจ้า
กว่าจะเดินเข้ามาถึงด้านในศาลเจ้าเมจิได้ก็ใช้เวลาไป 15 นาที ทางเดินไกลหลายร้อยเมตร เสาโทริอิ หน้าทางเข้าศาลเจ้าเมจิ บ่งบอกว่าเราได้มาถึงบริเวณตัวศาลเจ้าแล้ว
ก่อนเข้าไปยังในตัวศาลเจ้าต้องล้างมือ และ บ้วนปากเสียก่อน ชำระร่างกายให้สะอาด ตามความเชื่อของคนณี่ปุ่น การเข้าชมในบริเวณศาลเจ้าสามารถเข้าได้ฟรี และควรที่จะสำรวม ไม่ส่งเสียงดังบริเวณศาลเจ้า
ศาลเจ้าเมจิ (Meiji Shrine) เป็นศาลเจ้าศาสนาชินโตที่คนญี่ปุ่นสร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้กับจักรพรรดิเมจิ จักรพรรดิเมจิผู้ที่เปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองยกเลิกระบบโชกุนและนำพาประเทศญี่ปุ่นให้เติบโตอย่างรวดเร็ว ในช่วง “ปฏิวัติเมจิ” (Meiji Revolution)
ศาลเจ้าเมจิได้สร้างเสร็จเมื่อ ค.ศ.1920 เคยได้รับความเสียหายในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ก็มีการซ่อมแซมให้กลับมาอยู่เดิม
ในวันหยุดจะเป็นวันที่คนญี่ปุ่นนิยมมาศาลเจ้า โดยเฉพาะช่วงวันปีใหม่จะมีชาวญี่ปุ่นรวมๆ แล้วเป็นล้านคน มาไหว้ สักการะ ขอพรที่ศาลเจ้าเมจิ
ในรูปด้านบนเป็นจุดที่ทำความเคารพศาลเจ้า บริเวณนี้ห้ามถ่ายรูป นักท่องเที่ยวอย่างเราๆ ไม่ควรส่งเสียงดังบริเวณนี้เพราะจะรบกวนคนที่มาเคารพศาลเจ้า
บางคนมาศาลเจ้าเพราะใจเป็นทุกข์ บางคนมาเพื่อขอพร ด้วยเหตุผลนี้จึงมีแผ่นป้ายของทางศาลเจ้าที่ให้เราได้เขียนขอพร ระบายความในใจ แผ่นป้ายนี้เราสามารถซื้อแล้วมาเขียนขอพรได้ มีแผ่นป้ายที่เขียนด้วยภาษาไทยหลายป้ายเหมือนกัน ส่วนมากนั้นจะขอพรให้ร่ำรวย สุขภาพแข็งแรง สมหวังในความรัก
หลังจากเที่ยวชมศาลเจ้าเมจิ ดูศรัทธา ความเชื่อของคนญี่ปุ่นไปแล้ว ก็ได้เวลามาเดินดูอะไรสวยๆ งามๆ บ้าง โดยเราจะเดินย้อนไปที่สถานีฮาราจูกุใหม่ เดินไปจนถึงทางออกทางทิศเหนือ แล้วข้ามถนนไปฝั่งตรงข้าม ซึ่งเป็นที่ตั้งของถนนทาเคชิตะ แหล่งเสื้อผ้าวัยรุ่นของญี่ปุ่น
ถนนทาเคชิตะ (Takeshita Dori) เป็นคนนคนเดินที่มีระยะทางเพียง 400 กว่าเมตร แต่เต็มไปด้วยร้านเสื้อผ้าแฟชั่นแบบแปลกๆ เสื้อผ้าแบรนด์เนม สินค้ากิฟต์ช๊อป ตุ๊กตาน่ารักๆ
ร้าน McDonald’s ที่หน้าถนนทาเคชิตะ
ร้าน Daiso ญี่ปุ่น ตอนแรกเข้าใจว่าจะเหมือนกับร้าน 60 บาทที่บ้านเรา แต่มันไม่เหมือนซะทีเดียว เพราะที่นี่ยึดราคาหลักที่ 100 เยนหรือประมาณ 32 บาทเท่านั้น ของที่ขายก็มีหลายอย่าง แม้แต่ของกิฟต์ช๊อป กระจก Kitty ของแท้ Sanrio ก็ขาย 100 เยน ถือว่าของน่าซื้อทีเดียว ซึ่ง 100 เยนเป็นเงินที่ซื้อได้เพียงน้ำเปล่า 1 ขวดเท่านั้น ร้านนี้ได้ชื่อว่าเป็นร้าน 100 เยนที่ใหญ่ที่สุดในโตเกียว
ร้านค้าที่ถนนทาเคชิตะจะเป็นตึกแถวอยู่ 2 ข้างทาง เห็นร้านเล็กๆ แบบนี้แต่เดินเข้าไปได้ลึก และบางร้านมีชั้น 2 และชั้นใต้ดินให้เดินดูของ
ร้านขายขนมในย่านนี้คงหนีไม่พ้นร้าน Marion Crepes ขายขนมพวกเครปมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1976 มีให้เลือกหลายหน้า ขายที่ราคาเดียว 300 เยน อร่อยจริงหรือไม่อร่อยดูได้จากคิวที่ยาวล้นออกมานอกร้าน
สาวญี่ปุ่นบางคนก็จัดเต็ม แต่งตัวตามสไตล์ตัวเอง สามารถพบเห็นได้บ่อยในถนนทาเคชิตะ
ชุดคอสตูมในรูปแบบต่างๆ ก็มีขาย แต่ราคาไม่เบาเหมือนกัน
โดยรวมแล้วถนนเส้นนี้เหมาะสำหรับผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย เพราะมีทั้งเสื้อผ้าแฟชั่น และ ของกิฟต์ช๊อป ถ้าเดินๆ ไปอยู่แล้วเจอคนผิวสีมาชวนให้ซื้อของไม่ต้องตกใจ เราไม่ซื้อเค้าก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ถ้าไม่ได้สนใจของเค้าก็อย่าได้ไปคุยด้วยเลย เพราะพี่แกตื้อเก่งมากๆ
ดงนี้จะเป็นดงกิ๊ฟช๊อป ของสวยๆ งามๆ ทั้งนั้น ราคาก็พอๆ กับที่ขายในเซ็นทรัลบ้านเรา
ร้าน the World Connection ถือว่าเป็นหนึ่งในร้านละลายทรัพย์ของถนนทาเคชิตะเลยก็ว่าได้ ของที่ขายก็มีหลายอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋า ตุ๊กตา ผ้าเช็ดหน้า พวงกุญแจ ร้านนี้มีทางเดินลงไปใต้ดินได้อีก
เราเดินจนสุดถนนทาเคชิตะทะลุออกมาที่ถนนใหญ่ พบว่าในย่านนี้มีของแบรนด์เนม ห้างใหญ่อยู่ด้วย
ไหนๆ ก็มาแล้วก็เดินวนไปซะเลย จะได้ไม่ต้องเดินกลับทางเดิม
ห้าง Tokyu Plaza ห้างใหญ่ในย่านนี้
ถนนเส้นนี้ต้นซากุระใบร่วงไปเกือบหมดแล้ว ช่วงปลายเดือนมีนาคม – เมษายน ก็จะออกดอกบานสะพรั่งเต็มสองฝั่งถนน
สำหรับสาวก Kitty, Sanrio, Shappo, หมี Rilakkuma, San-x ไม่ควรพลาดร้านนี้ด้วยประการทั้งปวง
Kiddy Land ร้านขายของเล่นเด็ก ของกิฟต์ช๊อป ตุ๊กตายอดนิยมจากหลายค่าย รวมกันไว้ที่นี่ ในร้าน Kiddy Land จะมีอยู่ด้วยกัน 5 ชั้น ชั้นแรกจะเป็นชั้น B1F เป็นอาณาจักรของสนู๊ปปี้ (Snoopy Town), ชั้น 1F-3F จะเป็นพวกของเล่นเด็ก ของใช้ และ ชั้น 4F จะเป็นชั้นของ Sanrio, San-x ตุ๊กตาที่ชั้นนี้จะเยอะมาก มี Kitty ใน Theme ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นคริสต์มาสต์, ชุดกิโมโน
ตุ๊กตา Kitty หลายแบบให้เลือกซื้อ
หมี Rilakkuma
จากร้าน Kiddy Land เราสามารถเดินต่อไปยังสถานีรถไฟ Harajuku ได้ ไม่ไกลเท่าไหร่ ระหว่างทางไปสถานีรถไฟก็เจอกับร้าน Garrett Popcorn ซึ่งมีแถวรอซื้อที่ยาวไปหลายสิบเมตร ไม่ใช่แค่คนไทยเท่านั้นที่บ้าน Popcorn ยี่ห้อนี้ คนญี่ปุ่นเองก็ชอบกินเหมือนกัน
เราใช้เวลาเดินในฮาราจูกุไปถึงครึ่งวันแต่ไม่เจอวัยรุ่นแต่งชุดคอสเพลย์เลยแม้แต่คนเดียว อดแปลกใจไม่ได้ วันที่ไปเป็นวันเสาร์ซะด้วยน่าจะมีให้เห็นบ้าง เลยไปหาข้อมูลมาใหม่ พบว่าวัยรุ่นญี่ปุ่นไม่ได้นิยมแต่งตัวตามการ์ตูนอานิเมชั่นเหมือนแต่ก่อนแล้ว บางส่วนก็ไปแต่งตัวแนวเกาหลีแทน ปลื้มดารา นักร้องเกาหลี ตามกระแสเกาหลีฟีเวอร์
รีวิวฮาราจูกุในครึ่งวันก็ขอจบรีวิวเพียงเท่านี้ ฮาราจูกุเป็นย่านที่มีชีวิตชีวา มีเสน่ห์ ถ้ามาเที่ยวญี่ปุ่นแล้วมีวันว่างวันเสาร์ หรือ วันอาทิตย์ซักครึ่งวันแนะนำให้มาเที่ยวฮาราจูกุดูครับ
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่น 11 วัน
วันที่ 1 : เดินทางกรุงเทพฯ – โตเกียว นอนโตเกียว
วันที่ 3 : เที่ยวนารา นอนโอซาก้า
วันที่ 4 : เที่ยวเกียวโต นอนโอซาก้า
วันที่ 5 : เที่ยวเกียวโต นอนโอซาก้า
วันที่ 6 : นั่ง Shinkansen กลับโตเกียว เที่ยวโอไดบะ โตเกียว นอนโตเกียว นอนโรงแรมเดียวกันคืนที่ 1 เพราะฝากสัมภาระกับเค้าไว้
วันที่ 7 : เที่ยว Kawaguchiko ดูภูเขาไฟฟูจิ นอนโตเกียว
วันที่ 8 : เที่ยว Nikko นอนโตเกียว
วันที่ 9 : เที่ยว Mitake นอนโตเกียว
วันที่ 10 : เที่ยวโตเกียว ดูใบแปะก๊วยสีเหลือง Todai University วัดเซ็นโซจิ Asakusa นอนโตเกียว
วันที่ 11 : เที่ยวโตเกียว ชิบูย่า ศาลเจ้าเมจิ ฮาราจูกุ บินกลับไทย
ชอบบทความนี้ กด +1 ให้กำลังใจเราด้วยครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น