Tokyo

6/25/2558

ร้านที่มีไม้จิ้มฟันยันเรือรบสงครามโลก ดองกิโฮเต้ เปิดร้านปลอดภาษีเอาใจนักท่องเที่ยว

เทพเจ้าเพนกวินแห่งร้าน ดองกิโฮเต้ ในตำนานนักช๊อปชาวไทย ย่องเบามากระซิบข่าวดีล่ะ!!!
ไหน! มีใครยังไม่รู้จักร้านดองกิโฮเต้ บ้างก๊ะ!!! แอดคนนึง ที่เป็นขาประจำร้านนี้ เพราะนางมีทุกอย่างตั้งแต่ไม้จิ้มฟันยันหัวรบนิวเคลียร์ อะไรนะ! ไม่มีเหรอ!? อ้าว  จำผิด!
donki02
ขโมยภาพมาจากแอดออยลี่ ศรีพนมรุ้ง



นี่บอกเลย ล่าสุดกำลังจะไปถอยจักรยานที่ร้านดองกิ สาขา อากิฮาบาระ แต่กำลังเครียดว่าจะแบกกลับบ้านในท่าไหนที่จะอยู่ในสภาพสวยและงดงาม เหงื่อไม่ไหลไคลไม่ย้อย
capture-20150501-141409
อ่ะ นอกเรื่องๆๆ แอดโซระจะได้ว่า แอดออยลี่ ศรีพนมรุ้ง นางเคยพาแฟนๆไปทำความรู้จักกราบสวัสดีเจ้เพนกวินดองกิกันมาแล้ว แต่แอดโซระนั่งญาณเจอเจ้เพนกวินดองกิมากระซิบบอกว่า นางพึ่งเปิดชั้นปลอดภาษี ที่รวบรวมสินค้าเอาใจนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะเอาไว้ไม่ไกลจากชินจูกุเลยเค่อะะะะะะ  เริ่ดมากกกกกก  คือดีงาม  คือกราบรอบทิศ เพราะแอดเพลียมาก เวลาเพื่อนมาเที่ยว  แอดพาไปเดินดองกิสาขา ฮิงาชิ ชินจูกุ  ปล่อยนางเดินอยู่ 6-7 ชั้นกว่านางจะค้นพบสิ่งที่นางต้องการ เพราะว่าดองกิมีของให้เลือกเยอะมว๊ากกกกก  สะใจนางมากกกกกก เดือนเหงื่อไหล ขี้ไคลเปียก ไม่ต้องไปหลายที่  จบในตัว ตายคาที่ ดีงามข่าาาาา

แต่เดี๋ยวก่อน!! ร้านปลอดภาษีที่ว่านี้ ชะนียอดรักอย่าได้ไปผลีผลามไปผิดสาขานะก้ะ!! เจ้เพนกวินแกบอกว่า สาขาที่เป็นร้านปลอดภาษี จะอยู่ใกล้ๆกับสถานีชิน-โอคุโบะ  ตามภาพนี้เลยค่ะ  ใครอยากโดนเวอร์ชั่นปลอดภาษีแบบหาของง่ายๆ เค้ารวบรวมของยอดฮิตของนักท่องเที่ยวไว้ให้แล้ว ก็ให้ไปสาขาที่เป็นเครื่องหมายถูกนะก้ะ
11200893_1086908794657879_5123838611217320461_n


นี่พิกัดละเอียดมากนะก้ะ แต่ถ้าใครหาไม่เจอ  ให้นั่งรถไฟไปลงที่สถานีชิน-โอคุโบ
จากสถานีชินจูกุ เดิน 12 นาที
จากสถานีชิน-โอคุโบ เดิน 5 นาที
จากสถานี เซบุ – ชินจูกุ เดิน 2 นาที
ถ้าใครใช้ wifi ได้ ก็ให้หาพิกัด 〒1-12-6 Okubo Shinjuku-ku Tokyo,JAPAN, 169-0072
ปอลิง  สาขานี้ก็เปิด 24 ชั่วโมง ดี๊ดี  นั่งมองหนุ่มเกาหลีเสร็จก็ไปช๊อปปิ้งต่อ  สวยๆเก๋ๆ ไม่ต้องบินไปถึงโซล เมียงดงอยู่ใกล้แค่ปลายเล็บ  แอร๊นนนน งานดีด้วยนะ รู้เปล๊าาาา

เอ๊ะ… เดี๋ยวๆ…เดี๋ยวนะ  เรากำลังพูดถึงดองกิกันอยู่ใช่ไหม๊ก้ะ?? ใครพาออกนอกเรื่อง พูดค่ะ พูดมา!!!

ปอลิง ที่สอง  นี่มีอีกทริค ที่เพื่อนๆจะสามารถ ช๊อปที่ดองกิแล้วยังได้ของที่ระลึกกลับบ้านด้วย
นั่นก็คือการลงทะเบียนสมัครสมาชิกที่  http://www.yokoso-world.jp/tha/pages/guide/benefits
แล้วเวลาเราช๊อปครบตามยอดบิล ก็จะได้ของที่ระลึกด้วยนะก้ะ   ดูจิ ดูจิ ซื้อครบ 10,000 เยนได้ตุ๊กตาดองกิเพนกวินด้วยอ๊าาาาา แอร๊นนนนนนน  ไหนนนน  ยอดหมื่นเยน  นี่บอกเล๊ยยยยย แม่แอดมินเดินเข้าไปแค่ชั้นแรก นางก็ทำยอดนี้ได้แล้ว  นางช๊อปโหดมากนะ เคยบอกยัง นี่แอดไม่รู้เลย ว่าโตมาได้ใคร หึ!
capture-20150501-144828

นี่โพสนี้ชี้เป้าละเอียดมาก ใครแพลนจะมาญี่ปุ่นช่วงนี้ ก็สมัครสิทธิพิเศษเอาไว้นะก้ะ ใครติดตาม ไม่ใช่กรูรูและ เจแปนลิสต์ ขอท่านจงเป็นผู้นำแกงค์เพื่อนเวลามาเที่ยว เดินสะบัดผมสวยๆเก๋ๆ อย่างสง่างาม และพังอย่างมีสไตล์  โอเค๊


วันนี้ลากันไปด้วย สินค้าพิเศษ ซันไลด์ลิมิเต็ดแพคเก็จแอดดาวสปุ๊คนิก ปาปิยอง กุ๊กกุ๊ก!!!   ดีไซล์โดย แอดออยลี่ หมีแพนด้า
11210220_10153234218917822_528612514_n

ไปละ  เลิฟมาก จุ๊บฮ่ะ
แอดโซระ ณ ไม่ใช่กรูรู แต่กรุรู้ของถูกในโตเกียว

4 วิธีเอาตัวรอด ไม่มีหลงทางกับสายรถไฟอันยุ่งเหยิง ณ กรุงโตเกียว

คยกันไหม๊คะ ที่ไม่เข้าใจ ทำไมทำไม สายรถไฟในโตเกียวมันยุ่งเหยิงเหมือนเด็ก2ขวบเล่นพันด้ายตอนเมายากันยุงขนาดนี้!!!

เดี๊ยนเองเคยผ่านเหตุการณ์ความมึน ยืนอ้าปากค้างน้ำลายยืดอยู่หน้าแผงโชว์ลายแทงที่กดตั๋วหน้าสถานี เพราะตอนนั้นสมัยเมื่อยังเด็กน้อยหอยสังข์ ยังไม่รู้ว่าจะมีแอพลิเคชั่นหรืออะไรที่จะสามารถช่วยชีวิตได้ เดี๊ยนก็ไปยืนเพ่งหน้าแผงแผนที่เพื่อหาสถานีที่ตัวเองจะไป เพื่อจะได้กดตั๋วรถไฟได้ถูกราคา ไม่ไปเอ๋อที่ปลายสถานี  นี่บางทียืนเป็นชั่วโมงกว่าจะหาสถานีตัวเองเจอว่าจะต้องจ่ายเท่าไหร่  แต่สมัยนี้แล้ว เรามีวิธีง่ายๆกว่านั้น ที่จะทำให้เราไม่หลงทาง และบางแอพลิเคชั่นบอกแม่กระทั่งว่าเราอยู่ที่สถานีไหนแล้ว และกำลังเคลื่อนที่ไปที่สถานีไหน  มันเริ่ดมากกกกก  มาค่ะ มา วันนี้แอดจะเอา 3 วิธีเอาตัวรอดให้พวกเธอได้เดินนำแกงค์เพื่อนมึนๆนำพวกหล่อนเที่ยวได้อย่างคล่องแคร่ว สวยๆเก๋ๆ ส้นสูง ไขว้ขา  เริ่ม!

1. แอพลิเคชั่นสุดเจ๋ง Hyperdia    ( www.hyperdia.com/en )
แอพลิเคชั่นนี้ เป็นแอพที่เดี๊ยนใช้เป็นประจำทุกวี่วัน แม้จนกระทั่งทุกวันนี้ ข้อดีคือเป็นแอพภาษาอังกฤษ แต่ด้วยความที่แอพนี้มันไม่ฟรีในรูปแบบของแอพ  เดี๊ยนเองก็งก แต่เราก็ค้นพบว่า แอพนี้ ถ้าเปิดด้วยรูปแบบเวบไซด์ก็จะฟรีไม่ต้องเสียเงินใดๆทั้งสิ้น ใครที่มาเที่ยวญี่ปุ่นและมีwifi ใช้ล่ะก็ แอดแนะนำแอพนี้เลยค่ะ
มาดูหน้าค่าตากันหน่อย
capture-20150622-001342

เราก็เพียงใส่สถานีปลายทาง สถานีต้นทางที่เรายืนอยู่ กด Search ก็จะไปเจออีกหน้าจอที่บอกเราอย่างละเอียดม๊ากกกกก  โดยบอกตั้งแต่ ราคาแต่ละเส้นทาง เวลาที่จะใช้ในแต่ละสาย จำนวนการเปลี่ยนสถานี หรือแม้แต่ระยะเวลาการเดินเพื่อไปยังรถไฟอีกสายนึง  ปกติแล้ว เดี๊ยนจะใช้แอพนี้เพราะค่อนข้างละเอียดม๊ากมาก  ขอแนะนำค่า
capture-20150622-001953

2. เวบไซด์ Jorudan  ( www.jorudan.co.jp/english ) 
อันนี้ก็คล้ายกัน Hyperdia เลยนะก้ะ มีแอพลิเคชั่นในมือถือสมาร์ทโฟนเช่นกัน แต่ว่า ในแอพนั้นจะไม่มีภาษาอังกฤษ เพราะฉะนั้น ก็ต้องเข้าจากบราวเซอร์ในมือถือเช่นกันนะก้ะ
หน้าตาเมื่อเปิดมาก็จะเป็นแบบนี้
capture-20150622-002547
เราก็ใส่สถานีต้นทางและปลายทางเช่นกัน ส่วนเวลา ถ้าใครจะเสิร์ชหาสำหรับวันพรุ่งนี้หรือเวลาที่ไม่ใช่ ณ ปัจจุบันก็ระบุเวลาลงไปได้เลยค่า  ระบบก็จะโชว์เส้นทางออกมาให้เรามากมาย เราก็แค่เลือกเส้นที่เราสะดวก หรือราคาถูกที่สุด หรือ ราคาแพงแต่ไวสุด ตามที่เราต้องการได้เลย
capture-20150622-002942

3. Route Finder Machine 
เนื่องจากโตเกียวเค้าเตรียมการที่จะเป็นเจ้าภาพโอลิมปิคปี 2020 อะไรๆที่ชาวต่างชาติจะมึนงงและเสียจริตที่นี่ เค้าก็พยายามปรับปรุงแก้ไข ช่วงนี้เราจะเห็นเครื่อง Route Finder ทยอยลงวางตามสถานีใหญ่ๆ และน่าจะวางครบทุกสถานีในเร็ววันนี้  ซึ่งเจ้าเครื่องนี้ สำหรับคนที่ไม่ได้พกwifi มาด้วย จะเหมาะมากๆ เพราะมีรายละเีอยดปริ้นออกมาบนสลิปให้เราถือติดมือออกไปช่วยยามหลงได้ดีเลยค่ะ
หน้าตาเครื่องเป็นแบบนี้
img_1960

เจ้าเครื่องนี้มีเมนูเป็นภาษาอังกฤษ ญี่ปุ่น และ เกาหลี เพราะงั้น ขอแค่จำชื่อสถานีที่จะไปเป็นตัวสะกดภาษาอังกฤษได้ก็เริ่ดเลยค่า
img_1963

พอเราเลือกเส้นทางที่เราต้องการจะไปแล้ว ใครกลัวหลง ก็สามารถสั่งปริ้นจากเครื่องออกมาได้เลยล่ะ
img_1965

เริ่ดและสะดวกมากมากเลยค่า แต่อย่างที่บอก เครื่องพวกนี้ ไม่ได้มีทุกสถานี ณ ตอนนี้ ส่วน หลายๆคนก็ไม่มี wifi เพราะฉะนั้น เดี๊ยนมีไม้ตายอีกวิธีนึง นั่นคือ!!!
4. ไม้ตายแห่งความมึน ไม่ต้องไปยืนเอ๋อที่บอร์ดให้เสียเวลาเหมือนแกงค์ลุงๆในภาพอีกต่อไป! เราเป็นต่างชาติ เราต้องมึนอย่างสง่างาม!
2016_01

พุ่งไปที่เครื่องกดตั๋ว และเลือก กดตั๋วราคา 120 เยนหรือบางสายจะต่ำสุด ที่ 160 เยน ราคาอย่าไปสนใจ ให้เลือกราคาต่ำสุดเป็นพอ
ticket6
maxresdefault

แน่นอนค่ะ เมื่อเราถึงสถานีปลายทาง เงินเราไม่พอแน่นอน แต่อย่าตระหนกไป!! ให้พุ่งตัวหาเครื่องหน้าตาแบบนี้ให้เจอ ปกติแล้วจะตั้งอยู่เครื่องสองเครื่องใกล้กับที่สอดบัตรออกจากสถานีค่ะ มีภาษาอังกฤษนะ ไม่ต้องกลัวจริตเสียค่ะ พุ่งไปเลยค่ะ Fare Adjustment คือเครื่องที่ส่งมาจากสวรรค์ มอบให้แก่นักท่องเที่ยวสายมึน  จงอย่ากลัว จงพุ่งไปสักการะโดยพลัน!!
Fare_adjustment_machine_jr_w_01

สอดตั๋วของเราเข้าไป  เครื่องจะบอกว่า “เฮ้ ไอ้หนู! เอ็งยังขาดอีก20 เยน จงหยอดมาโดยไว ไม่งั้นข้าไม่ให้แกออกจากสถานีนี้นะเฟ่ย”  ไม่สิยะ! เอาจริงๆ มันจะขึ้นตัวเลขสีแดงๆ มา เราก็แค่หยอดเหรียญเข้าไปตามจำนวนนั้นๆ เครื่องก็จะออกบัตรใหม่มาให้เรา เรียบร้อยกระเทียมดอง ลัลล๊า~~

เป็นไงคะ แค่นี้ เราก็จะไม่หลง เดินนำเที่ยว กระโดดจิ๊งขาอย่างคล่องแคล่ว ไม่หลงทาง ประหนึ่งเกิดและโตที่โตเกียวเลยทีเดียว เอ๊า! ใครจะมาเที่ยวญี่ปุ่นล่ะก็ แชร์ให้เดอะแกงค์ช่วยกันอ่านช่วยกันจำแอพเด็ดๆ จะได้ไม่หลงทางกันนะก้ะ
เครดิตภาพ
– wikipedia.com
– https://japan365.wordpress.com
แอดมินโซระ ไม่ใช่กรูรูแต่กรูรู้ของถูกในโตเกียว

Sushiro ซูชิ 100 เยน พาร่างฟินยกสายพาน

ถ้าพูดถึงญี่ปุ่นคนที่ชอบทานซูชิคงจะถูกใจมากกกกกก เพราะว่าร้าน ซูชิโร่ นี้เป็นร้านซูชิร้อยเยนที่อร่อยและถูกมาก คนญี่ปุ่นส่วนมากรู้จักกันดี เพราะจะเป็นร้านซูชิแบบสายพานเลื่อนที่คุ้นตากันดี มีทั้ง หน้าปลาแซลมอล มากุโร่ หน้าไข่ หน้ากุ้งชุปแป้งทอด หอย และต่างๆๆๆอีกมากมายที่จะเลื่อนมาบนสายพานแบบให้คนที่ชอบทานซูชินี่หยิบกันมือเป็นระวิงเลย และที่สำคัญคือ ราคา จานละ หนึ่งร้อยเยนบวกกับภาษีเพราะฉะนั้นก็สามารถทานกันได้แบบไม่ต้องกลัวเงินในกระเป๋าลอยไปมากเลย ฮ่าๆๆๆ
P1330202
P1330203
P1330204
P1330205

ร้านนี้ยังมีสาขามากมายในหลายๆจังหวัดของญี่ปุ่นอีกด้วย ทั้งทางฝั่งฮอกไกโด คันโต คิวชู คันไซ เรียกกันได้ว่าสามารถหาทานกันได้ง่ายมาก เพราะมีสาขาเยอะมาก เอาแค่ในโตเกียวก็มีเกินสิบสาขาแล้ว อย่างเช่นที่สถานี Tachikawa และสถานีอื่นตามแถบๆชานเมืองอย่าง Machida เป็นต้น หลายๆคนอาจสงสัยว่าร้านซูชินี้มีให้เลือกทากันเยอะขนาดไหน ที่นี่มีซูชิมากกว่า แปดสิบชนิด และในแต่ละฤดูก็จะมีเมนูพิเศษมาเอาใจท่านลูกค้าอีกมากมาย อย่างเช่น ปลามากุโร่ หกชิ้นในจานเดียว ราคา แปดร้อยเก้าสิบเยน หรือจะเป็นหน้าปลา อิวาชิ หรือแซลมอลที่ผลิตในประเทศแต่ละเทศกาลก็จะมีเมนูออกมาล่อแฟนๆกันใครที่ไปหน้าไหนก็ลองทานกันดูน๊าว่ามีเมนูอะไรมาใหม่ๆบ้าง
P1330201
เพราะแต่ละรอบจะไม่เหมือนกันน้า
สำหรับใครอยากดูลายละเอียดเพิ่มเติมก็สามารถไปดูทางเวบนี้ได้ครับ
http://www.akindo-sushiro.co.jp/

5สิ่งสำคัญก่อนการตัดสินใจเลือกซื้อที่อยู่อาศัยในแบบคนญี่ปุ่น

เมื่อปีที่แล้ว ดิชั้นได้ซื้อแมนชั่นเป็นของตัวเองในญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกในชีวิต นี่บอกเลย การซื้อบ้านหรือแมนชั่นที่นี่ มีปัจจัยหลายอย่างให้คิดเยอะแยะมากมาย ด้วยราคาของบ้านที่แสนแพง ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะมีราคาราวๆ 30 ล้านเยน สำหรับแมนชั่นและบ้านชานเมืองโตเกียว  เพราะฉะนั้น ราคาของบ้านในใจกลางตัวเมืองไม่ต้องพูดถึงค๊าาา 40 ล้านเยนขึ้นไปแน่นอน  ช่วงที่แอดหาข้อมูลการซื้อที่พักอาศัยนั้น มีข้อมูลหลายๆอย่างที่ได้รับคำแนะนำจากคนญี่ปุ่น ที่มีประสบการณ์ แอดขอมาเล่าต่อ แบ่งออกเป็น 5 ข้อดังนี้ค่ะ
1. ทำเลที่เหมาะสมกับงานที่ทำอยู่ 
นี่เป็นปัจจัยแรกๆของแอดเลย เพราะสำหรับคนญี่ปุ่นแล้ว การทำงานนั้นแทบจะมากกว่า 80%ของชีวิตที่ต้องใช้ไปกับการทำงาน ถึงแม้การเดินทางที่นี่จะสะดวกสบาย แต่ถ้าต้องออกไปอยู่นอกเมืองอันแสนไกล แล้วต้องต่อสู้ในรถไฟแน่นๆเป็นเวลามากกว่า 1 ชั่วโมง เพื่อเข้ามาทำงานในที่ทำงานที่ตั้งอยู่กลางเมืองแล้ว แอดบอกเลย ว่าสุขภาพจิตและพลังงานของแต่ละวันจะหายไปมากกว่าครึ่งนึงเลยล่ะ! อีกอย่าง คนญี่ปุ่นไม่ค่อยจะเปลี่ยนงานกัน เพราะงั้น การเดินทางจากบ้านไปทำงาน ก่อนจะตัดสินใจซื้อบ้านถือเป็นเรื่องแรกๆที่เอามาคิดเลยค่ะ ส่วนใหญ่แล้ว ก็ไม่ควรจะใช้เวลาบนรถไฟเกินกว่า 1 ชั่วโมงในการเดินทาง ถ้าเกินจากนี้ ชีวิตท่านจะพังได้


1370531113-JRtokyo-o


2. ทำเลที่ปลอดภัย
เพราะการซื้อบ้าน คือการสร้างหลักปักฐาน คนญี่ปุ่นเองก็มองถึงเรื่องความปลอดภัยของเขตที่อยู่อาศัยค่ะ บางเขตในโตเกียวขึ้นชื่อเรื่องแกงค์อันธพาลหรือแหล่งมั่วสุมที่มีมากมาย บางคนเช็คถึงขั้น ประวัติอาชญากรรมที่เกิดขึ้นในเขตนั้นๆ (สามารถเช็คได้ที่สถานีตำรวจของเขต) เพราะคงไม่มีใครอยากให้ลูกของตัวเองโตมาในย่านที่ไม่ปลอดภัย เพราะเด็กๆญี่ปุ่น ส่วนใหญ่ต้องเดินไป-กลับโรงเรียนเองตั้งแต่ประถม ทำเลที่ปลอดภัยก็ถือเป็นเรื่องสำคัญมากๆเลยค่ะ  อย่างตอนที่แอดจะซื้อบ้าน คนญี่ปุ่นก็บอกว่า ย่านที่ชื่อ Adachi , Shibuya ,Shinjuku , Toshima , Taito  ซึ่งเพื่อนๆคงจะเห็นว่า มีบางเขตที่คุ้นๆชื่อ เช่นเขต Shinjuku และ Shibuya  ซึ่งเขตเหล่านี้ อาจจะมีทำเลที่สะดวกสบายและเดินทางง่ายมากๆ แต่สำหรับคนญี่ปุ่นแล้ว เขตเหล่านี้ขึ้นชื่อเลยล่ะค่ะ >_<  ดูข้อมูลได้จากเวบนี้ เป็นบทความเกี่ยวกับ ข้อมูลความปลอดภัยของทั้ง 23 เขตในโตเกียวค่ะ  ซึ่งถ้าดูดีๆ คนญี่ปุ่นมักจะเลือกที่จะเช่าอยู่ในเขตจำพวกนี้ เนื่องจากราคาถูกและเดินทางง่าย แต่ถ้าตัดสินใจลงหลักปักฐานแล้วล่ะก็ เขตเหล่านี้ถือเป็นเขตที่ควรหลีกเลี่ยงเลยล่ะ! >_<
ข้อมูลอ้างอิง :http://xn--23-1b4awkpa45akcb8859dhsjs4w4u6acno.xyz/
shibuya
Photo credit :http://www.destination360.com/
3. ความทนทานสำหรับการรับมือภัยพิบัติ
เพราะญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีแผ่นดินไหวเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ตึกใหม่ๆถูกสร้างให้รับมือแผ่นดินไหวในระดับที่สูงๆได้ แต่ตึกเก่าๆนั้น สามารถรองรับได้ในระดับความสะเทือนที่ 5-7 เท่านั้นก็มีค่ะ ซึ่งคนรุ่นใหม่ที่มักจะซื้อแมนชั่นมากกว่าบ้านนั้นก็คำนึงถึงเรื่องนี้ เพราะการซื้อตึกเก่าๆนั้น ถึงภายในจะถูกรีโนเวทสวยงามทันสมัย แต่ความเป็นจริงที่ลืมไม่ได้ก็คือ ฐานของตึกไม่สามารถ รองรับความสั่นสะเทือนแรงๆได้ และหากตึกเก่าๆ ก็จะต้องมีการรื้อเพื่อดูแลรักษาและมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างมาก ดังนั้น ถ้าใครมีงบประมาณล่ะก็ ยอมจ่ายเพื่อซื้อแมนชั่นหรือบ้านที่สร้างใหม่จะดีกว่านะคะ
11428956_10153391755336000_1888614126_n
รีโนเวทตึกเก่าๆทีก็จะล้อมไว้แบบนี้เป็นเดือนเลย
bakoko-tokyo-apt-renovation
4. ราคา
ปกติแล้วชาวโตเกียวมักจะเลือกซื้อบ้านหรือแมนชั่นที่ออกมาชานเมืองหน่อย เพราะจะมีราคาที่ถูกลงและปลอดภัยไม่พลุกพล่าน  ราคาของแมนชั่น 3 ห้องนอน ที่สร้างใหม่จะอยู่ราวๆ 30 ล้านเยนขึ้นไป สำหรับทำเลชานเมือง ซึ่งปกติแล้วคนญี่ปุ่นจะคิดถึงเรื่องการซื้อบ้านเมื่ออายุ 30 ปี เพราะจะสามารถทำเรื่องกู้ซื้อได้ในเรทดอกเบี้ยที่เหมาะสม และจะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่การเงินมั่นคงและเลือกที่จะผ่อนเป็นระยะเวลา 25-30 ปีเป็นส่วนใหญ่ เพราะบ้านที่ญี่ปุ่นนอกจากตัวบ้านที่มีราคาแพงนั้น จะมีค่าส่วนกลาง ค่าทิ้งขยะ ค่าที่จอดรถ ภาษีบ้าน ตามมาอีกมากมาย เพราะฉะนั้น ถ้าไม่พร้อมจริงๆ คนญี่ปุ่นก็จะไม่ค่อยที่จะซื้อบ้านกัน
5. การออกแบบตกแต่ง
เพราะพื้นที่ใช้สอยนั้นถูกจำกัดเนื่องจากราคาที่ดินที่มีราคาแพงเป็นอันดับต้นๆของโลก ชาวโตเกียวจึงมักเลือกบ้านหรือแมนชั่นที่มีพื้นที่ใช้สอยที่ฉลาด เช่นช่องเก็บของลับใต้พื้นหรือตามผนัง ที่ไม่ทำให้บ้านดูรกตา ลูกเล่นของบ้านที่สามารถปรับเปลี่ยนเปิดโล่งหรือกั้นเป็นห้องได้ทุกเมื่อที่ต้องการ ระเบียงที่เปิดกว้างไม่อึดอัดเพื่อพักผ่อน และอีกหลายปัจจัยมากมาย  อย่างบางแมนชั่น จะมีออปชั่น ที่ท่อทิ้งบริเวณอ่างล้างจานสามารถย่อยขยะเศษอาหารแล้วทิ้งไปตามท่อส่งในตึกได้เลย ไม่ต้องหิ้วขยะเปียกไปทิ้งที่ห้องขยะ  ส่วนในห้องน้ำก็มีปุ่มซาวน่า ปุ่มพ่นน้ำแบบละออง ปุ่มตากผ้า ทำให้ผ้าแห้งแบบเร่งด่วน และปุ่มทำให้ห้องน้ำมีอากาศอบอุ่นด้วยค่ะ ส่วนใหญ่ในแมนชั่นใหม่ๆที่พึ่งสร้างก็จะมีออปชั่นนี้ติดมาด้วยทั้งหมดเลย เย้!
6770878707R33
6771232007R12
6771232007R22
6771232007R31
6771232007R32
6771232007R34
japanese-minialist-design-700x470
เป็นยังไงกันบ้างคะ อ่านมาถึงตรงนี้ อิจฉาคนญี่ปุ่นจริงๆที่เค้าใส่ใจในการสร้างที่อยู่อาศัยให้ตอบรับกับไลฟ์สไตล์ของประเทศที่แสนจะเร่งรีบนี้ได้อย่างลงตัวและชาญฉลาดสุดๆ ใครกำลังจะซื้อหรือสร้างบ้านที่เมืองไทย เอาไอเดียไปปรับเปลี่ยนลองใช้กันตามความเหมาะสมนะคะ

แอดมินโซระ ไม่ใช่กรูรูแต่กรูรู้ของถูกในโตเกียว
Photo credit : www.suumo.jp
www.home-designing.com/

ช้อปฟินๆ อินเจแปน ส่องร้านขายยาที่ญี่ปุ่น ร้านเดียวเก็บของฝากให้เพื่อนได้ครบทุกคน!

เฮลโหลว เฮ้ยเว้ยแก....ไปญี่ปุ่นเหรอ..แก..ฝากซื้อโฟมล้างหน้าหน่อยสิ....เออๆ มาร์คหน้าด้วย....แล้วคอลลาเจนก็ดีนะ....เอาด้วยๆ ห๊า...รวมไปรวมมาเยอะนะเนี๊ยะแก ฉันจะไปเที่ยวนะไม่ได้รับหิ้วของ...โว๊ะ!!!
ปัญหาเหล่านี้จะหมดไปค่ะ ช็อปฟินๆ อินเจแปน ส่องร้านขายยาที่ญี่ปุ่น ร้านเดียวเก็บของฝากให้เพื่อนได้ครบทุกคน!!!
เรื่องเสียเวลาในการตระเวนหาของฝากจะหมดไปค่ะ ไม่ต้องทะเลาะกับเพื่อนนะคะ วันนี้แอดมินขอเอาใจขาช็อป! ใครที่กำลังเตรียมตัวมาเที่ยวญี่ปุ่น อย่าลืมแวะไปช็อปปิ้งที่ร้านขายยากันนะ ที่นั่นมีของเด็ดๆ รอให้ช็อปอย่างเพียบอ่ะจร้า อยากรู้ว่าอะไรเด็ด อะไรดี ที่ร้านขายยา ตามไปอ่านต่อกันได้ที่ลิงค์ด้านล่างเลยนะคร้า
ปอลิง...ขีดเส้นใต้สามล้านเส้น เรารักเพื่อนนะ แต่ฝากซื้อน้อยๆ หน่อยก็ดีนะเพื่อนนะ รักนะคนดี! จุ๊บ!!
แอดดาว สปุคนิค ปาปิยอง กุ๊กๆ ^^

ไฮ่! โอไฮโยโกไซมัส...อิอิ สวัสดีค่า เพื่อนๆ ชาวจีบันทุกท่าน หลังจากที่ห่างหายไปนาน มีเรื่องราวดีๆ เลยเอามาแบ่งปันกันอีก พอดีเราเพิ่งกลับมาจากญี่ปุ่นสดๆ ร้อนๆ เลย จะว่าไปครั้งนี้ถ้านับแล้วก็เป็นการไปเที่ยวญี่ปุ่นครั้งที่ 5 ของเราแล้ว คราวนี้เราไปที่เมืองฟุกุโอกะ แล้วแวะไปหาเพื่อนที่โอซาก้า

การไปญี่ปุ่นครั้งนี้งานหลักของเราคือ การไปตามล่าศิลปินในดวงใจ <3 br="" style="box-sizing: border-box;">

มาที่งานหลักก่อน ตามล่าศิลปิน ครั้งนี้คือไปดูคอนเสิร์ตวง News ที่ marine messe fukuoka อากาศที่ญี่ปุ่นตอนนั้นเย็นๆ แดดแรงมาก แต่เพื่อผู้ชายก็สู้ไม่ถอย แถวยาวแค่ไหนก็ไม่หวั่น!!!
หลังจากยืนต่อแถวอยู่ 2 ชั่วโมง ได้ของหน้าคอนฯมาเป็นกำลังใจรอดูคอนต่อละจ้า //meกางพัด 4 อันบังแดด
จบจากตามล่าผู้ชายก็ไปตามล่าของตามออเดอร์ เราเดินทางจากฟุคุโอกะไปโอซาก้าด้วย JR ...หลังเจอเพื่อน เก็บของเข้าที่พักเสร็จ ก็ออกเดินทางมาต่อที่ย่าน Shinsaibashi แหล่งช้อปปิ้งละลายทรัพย์ชั้นดี เราก็เริ่มภารกิจทันที...
นี่เลยร้านขายยา matsumoto kiyoshi ชื่อดังสุดฮิตในย่านนี้(ร้านสีน้ำเงิน) และจะบอกว่าฝั่งตรงข้ามก็เป็นร้านขายยาเหมือนกันแต่อ่านชื่อไม่ออก ใครไปก็ลองดูราคาก่อนซื้อก็ได้นะ เพราะร้านอยู่ตรงกันข้าม เดินไม่ถึง 10 ก้าวก็ถึง (กระซิบว่าร้านสีแดงของถูกกว่าหลายอย่างเลยจ้า แต่ถ้าอยากได้ที่หลากหลายสากเบือยันเรือรบ(จำลอง)ลองไปร้านดองกี้ ตรงเลียบคลองดู เปิด 24 ชม.ด้วย) ย่านนี้คนค่อนข้างแน่น ทั้งคนญี่ปุ่นเองและนักท่องเที่ยว เดินเข้าเดินออกร้านอย่างกะแจกฟรี!
ต้องบอกก่อนว่าร้านขายยาในญี่ปุ่นเค้ามีของหลากหลายประเภทมาก เรียกว่ามีครบทุกสิ่งที่ต้องการ

ไม่ว่าจะเป็นยาประเภทต่างๆ ก็มีให้เลือกหลายแบบ ละลานตาไปหมด (นี่ถ่ายมาแค่บางส่วนนะ)
โซนแรกที่เพื่อนพาพุ่งตัวเข้าไปก็คือพวกวิตามินบำรุงร่างกาย ที่มีเยอะมาก หลากหลายยี่ห้อ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นพวกวิตามินบี (สงสัยจะไม่ค่อยฮิตวิตามินซีแบบบ้านเรา) เพื่อนเราว่าพนักงานออฟฟิศที่นี่เค้าฮิตกินวิตามินบี เพื่อให้คลายอาการปวดเมื่อยต่างๆ ตอนนี้ที่ดังๆ ในญี่ปุ่นจะเป็นวิตามิน Alinamin กล่องสีขาวแดง วางเรียงยาวเต็มชั้นเลย เห็นแก๊งทัวร์จีนก็เหมากันไปหลายกล่องเหมือนกัน เพื่อนที่ไปด้วยนางบอกว่านางก็กินอยู่ นางค่อนข้างทำงานหนักทุกวัน เลยชอบสรรหาวิตามินมาบำรุง ข้อมูลเรื่องวิตามินต้องยกให้นางเลยค่า เป๊ะ! (แต่อันนี้เราไม่ได้ซื้อมา เพราะจำได้ว่าคุ้นๆเคยเห็นมีขายที่ซูรูฮะและร้านบูธส์ที่ไทย) 
เลยเข้ามาอีกเป็นโซนที่สาวๆ น่าจะถูกใจนะคะ โซนนี้อาหารเสริมเพียบจ้า ดูหน้าซองแล้วเลือกไม่ถูก
เรานี่อยากจะกวาดซื้อให้เรียบ เผื่อจะได้ผิวดีกับเค้าบ้าง พวก DHC ที่คนไทยฮิตๆ กัน ขายเต็มชั้น
แต่ดูจากชั้นที่วางของ ของค่อนข้างร่อยหรอ เพราะคนเยอะมาก พนักงานคงเติมไม่ทัน 
โซนนี้เป็นโซนที่เราฝังตัวอยู่นานสุดๆ มีเครื่องสำอางมากมายหลายแบรนด์ให้เลือกเพียบ ยืนเทสกันเพลินเลยล่ะ มีพนักงานคอยมาแนะนำ ซึ่งเราฟังออกบ้างไม่ออกบ้าง(ภาษาไม่แข็งแรงมากนัก Y^Y จะอาศัยเพื่อนก็ไม่ได้ เพราะนางฝังตัวอยู่ที่โซนวิตามินและอาหารเสริมไปซะแล้ว)

ถ้าจะซื้อเครื่องสำอางแบรนด์ญี่ปุ่นอย่าง Kate Cezanne บลาๆ ที่นี่ถือว่าราคาถูกกว่าเกือบครึ่งเลยนะ Oh! Goshhhh อย่างดินสอเขียนคิ้วของ shiseido แท่งสั้นๆ ขาวๆ 130 เยน ขุ่นพระ! ตีเป็นเงินไทยแค่ 30 กว่าบาท เรานี่รีบคว้าลงตะกร้าเป็น 10 แท่งเลย ตุนไว้ก่อนๆ แถมด้วยแป้งและอายไลเนอร์ของ Kate ที่คว้ามาแบบไม่รู้ตัว เหมือนโดนสะกด ฮ่าๆ
นอกจากนี้ยังมีของใช้ในบ้าน เอาใจคุณแม่บ้านทั้งหลาย อย่างพวกยากันยุง กาวดักหนู อะไรแบบนี้ก็มีขายด้วย บอกแล้วว่าเข้ามาร้านขายยานี่ได้ครบเลย
ย้ายมาดูโซนนี้กันบ้าง ลูกอม ขนม ช็อกโกแลต หรือแม้แต่คิทแคทก็มีขายในร้านขายยาจ้ะ ใครอยากซื้อคิทแคท(ชาเขียว) ไม่ต้องไปตามหาที่ไหนให้วุ่นวาย ซื้อที่นี่ก็ได้ เรากับเพื่อนนี่โกยมาเพียบเลยจ้า ถูกด้วยนะ ขอบอก!
ถัดมาข้างๆ กันเป็นเครื่องดื่มบำรุงร่างกาย และน้ำวิตามินบำรุงผิวพรรณต่างๆ แบบแช่เย็นพร้อมดื่ม อยากเสริมวิตามินอะไร เค้าก็มีให้เลือกดื่มหลายยี่ห้อ เชิญเลือกได้เลยตามสบ๊ายยย
อื้อหือ...เดินเพลินๆ หยิบของตามออเดอร์ที่เพื่อนฝากซื้อจนทั่วร้าน เผื่อแว๊บเดียวใช้เวลาอยู่ในร้านขายยาเกือบ 2 ชั่วโมงแน่ะ ในที่สุดก็ได้ของครบซะที Mission complete! :)

ส่วนตัวเราว่าร้านขายยาที่นี่เขาเน้นดึงดูดให้คนทั่วไปเข้ามาซื้อของ ด้วยการเพิ่มสินค้าประเภทต่างๆ ให้มากขึ้น ลองคิดดู อย่างที่ไทย ถ้าอยากได้พวกสบู่ ยาสีฟัน เครื่องสำอาง ก็จะไปตามร้านเฉพาะของแต่ละอย่างหรือไม่ก็ซูเปอร์มาเก็ต แต่ที่นี่มาร้านเดียวจบเลย แค่ไม่มีอาหารสดเท่านั้นแหละ


ลองเปรียบเทียบระหว่างร้านขายยาที่ญี่ปุ่นกับไทยที่เห็นถึงความแตกต่างชัดๆ ในมุมมองของเรามาให้ดู คือ

- สินค้าครอบคลุมมากกว่า ร้านขายยาที่ญี่ปุ่นเค้าไม่ได้เน้นขายแค่ยาอย่างเดียว แต่ยังมีวิตามิน อาหารเสริม เครื่องสำอาง(ที่มีขายเยอะมากกกกกก) รวมถึงขนมดังๆทั้งหลายยี่ห้ออีกด้วย ถ้าเทียบกับไทยก็คงคล้ายๆ วัตสันหรือบูทบ้านเรา
- ลูกค้าที่เป็นนักท่องเที่ยวเยอะ เพราะเป็นร้านที่มีแทบทุกอย่างทำให้มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการตลอดวัน อยากตามหาของราคาถูกให้นึกถึงร้านขายยาจ้า ต่างกับร้านขายยาที่ไทย ที่ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวเข้ามาใช้บริการเท่าไหร่
- พื้นที่ร้านมากกว่า ส่วนใหญ่ที่เห็นร้านขายยาที่ญี่ปุ่นจะมี 2 ชั้น ในขณะที่ร้านขายยาบ้านเราจะเป็นร้านเล็กๆ และมีแค่ชั้นเดียวเท่านั้น
- ป้ายราคาแตกต่างกัน ที่ญี่ปุ่น จะมีราคาบอกที่ป้าย 2 ตัวเลข คือแบบราคารวม tax กับราคาที่ไม่ได้รวม tax ซึ่งนักท่องเที่ยวอย่างเราสามารถนำไป refund เอา tax คืนได้ ข้อนี้ถ้าที่ไทยมีบ้างนักท่องเที่ยวที่มาก็คงฟินไม่แพ้กันเนอะ :)

จบแล้วค่า สำหรับรีวิวร้านขายยาที่ญี่ปุ่น เพื่อนๆ คนไหนที่มีแพลนจะไปเที่ยวญี่ปุ่นก็ลองดูนะคะ ส่วนใครที่สนใจพวกวิตามินต่างๆ แนะนำให้ดูที่นี่เลยค่ะ ได้ของติดไม้ติดมือกลับมาแน่นอน

ปล. รูปอาจจะมีสลับร้านกันบ้าง ต้องขออภัยด้วยนะคะ เอาเป็นว่าโฟกัสของในร้านแล้วกันเนอะ :P 

ศิลปะวัฒนธรรมญี่ปุ่น

ศิลปะวัฒนธรรมญี่ปุ่น

ละครคะบุกิ (Kabuki)
may05-02-01ละครคะบุกิ นักแสดงมีการแต่งหน้าที่เป็นเอกลักษณ์ และเคลื่อนไหวแสดงด้วยท่าทางต่างๆที่มีความหมาย การแสดงนี้นักแสดงเป็นชายล้วน สวมชุดแต่งการแบบโบราณ สีสันสดใส งดงาม
ละครคะบุกิในโตเกียวชมได้ที่โรงละครแห่งชาติ (National Theatre of Japan)  และโรงละคร Kabuki-za Theater มีการแสดงละครคะบุกิ 8-9 ครั้งต่อปี ค่าชม 3,000 – 20,000 เยน พร้อมหูฟังบรรยายเป็นภาษาอังกฤษ
เว็บไซต์:
KABUKI official website      : http://www.kabuki-bito.jp/eng/top.html
National Theatre of Japan  : www.ntj.jac.go.jp/english
Tokyo Kabuki Guide           : www.tokyokabukiguide.com/index.html

ละครโน (NOH)
may05-02-02ละครโน เป็นศิลปะการแสดงที่มีประวัติอันยาวนานกว่า 700 ปี   เป็นละครเวทีที่ตัวละครจะเคลื่อนไหวช้าๆ เรียบง่าย และมีการร้องท่วงทำนองที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยนักแสดงจะสวมหน้ากากเพื่อแสดงถึงอารมณ์ต่างๆ พร้อมกับแสดงออกในท่าทางต่างๆที่สามารถสื่อความหมายได้ การแสดงนี้นักแสดงเป็นชายล้วน สวมชุดแต่งการแบบโบราณ สีสันสดใส งดงาม
เว็บไซต์:
National Theatre of Japan : http://www2.ntj.jac.go.jp/unesco/noh/en/

ละครบุนระคุ (BUNRAKU)
may05-02-03ละครบุนระคุ เป็นการแสดงละครหุ่นที่ใช้หุ่นขนาดใหญ่มีลักษณะคล้ายมนุษย์ รูปลักษณ์ของหุ่นมีการแต่งกายคล้ายละครคะบุกิหรือละครโน และเนื่องจากหุ่นมีขนาดใหญ่ทำให้ต้องมีคนเชิดหุ่นถึงสามคนโดยเฉพาะในจังหวัดโอซาก้าที่โรงละครบุนระคุ เกคิโจ เป็นโรงละครที่ได้รับการออกแบบสำหรับละครบุนระคุโดยเฉพาะ ศิลปะการแสดงนี้เป็นที่นิยม ดึงดูดผู้ชมจำนวนมาก
เว็บไซต์:
National Theatre of Japan : http://www2.ntj.jac.go.jp/unesco/noh/en/

การจัดดอกไม้แบบ IKEBANA
may05-02-04การจัดดอกไม้ อิเคบะนะเป็นการจัดดอกไม้แบบญี่ปุ่น มีประวัติที่ยาวนานและมีหลักการจัดเป็นแบบแผน การจัดอาจมีการปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัย แต่ยังคงเน้นโครงสร้างพื้นฐานที่สอดคล้องของธรรมชาติและวิถีของมนุษย์
โรงเรียนสอนจัดดอกไม้ในโตเกียว
1. OHARA School                          http://www.ohararyu.or.jp/english/lesson.html
2. SOGETSU School                       http://www.sogetsu.or.jp/e/

พิธีชงชาญี่ปุ่นซะโด (Sadou)
may05-02-05พิธีชงชาญี่ปุ่น หรือ ซะโด เป็นพิธีการชงชาที่สะท้อนถึงสุนทรียศาสตร์อันเรียบง่าย ในห้อง พิธีชาลำดับการชงชา รวมทั้งขั้นตอนที่ถือปฏิบัติในพิธี มีอิทธิพลต่อการพัฒนาด้านจิตวิญญาณของการเรียนรู้และมารยาท

กีฬาประจำชาติ – ซูโม่ (SUMO)
may05-02-06ซูโม่ เป็นกีฬาประจำชาติญี่ปุ่น นักมวยปล้ำนุ่งเพียงผ้าพันกายท่อนล่างผืนเดียวอาจมีน้ำหนักตัวมากกว่าหนึ่งร้อยกิโลกรัม เวลาอยู่บนเวทีจะพุ่งปะทะคู่ต่อสู้ด้วยพลังมหาศาลด้วยท่วงท่าที่สง่างามการแข่งขันซูโม่มักจัดคราวละ 15 วัน การซื้อบัตรจะต้องจองล่วงหน้านาน เนื่องจากเป็นกีฬาประเพณีที่ได้รับความนิยมแต่ละปี มีการจัดแข่งขันรวม 6 ครั้ง ได้แก่ ใน Tokyo ระหว่าง มกราคม/พฤษภาคม/กันยายน ส่วน Osaka จัดในเดือน มีนาคม, ที่ Nagoya ในเดือน กรกฎาคม, และ Fukuoka ในเดือนพฤศจิกายนสำหรับบัตรเข้าชมมีราคาเริ่มต้นตั้งแต่ราว 3,800 เยนขึ้นไป หาซื้อ ณ วันเข้าชมโดยไม่ต้องสำรองล่วงหน้า  บัตรมีจำหน่ายทางออนไลน์ที่เว็บไซต์ Ticket Oosumo  http://sumo.pia.jp/en/
เว็บไซต์ : 

กีฬาดั้งเดิมของญี่ปุ่น
เคนโด (KENDO)
may05-02-07เคนโด คือศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวของประเทศญี่ปุ่น ชื่อ “เคนโด” มีความหมายว่า “วิถีแห่งดาบ” มีพื้นฐานมาจากการใช้ดาบของซามูไรในสมัยก่อน ผู้เล่นใช้ดาบทำดาบไม้ไผ่ในการฝึก ด้วยกระบวนท่าการต่อสู้ที่รวดเร็วเด็ดขาด ผู้เล่นสวมอุปกรณ์ป้องกันพิเศษ ได้แก่ ชุดเกราะที่เรียกว่า โบกุ (BOGU) และใช้อาวุธเป็นดาบไม้ไผ่ที่เรียกว่า Shinai

กีฬาดั้งเดิมของญี่ปุ่น
จูโด (JUDO)
may05-02-08กีฬาจูโด เป็นศิลปะการป้องกันตัวประเภทหนึ่ง  ถือกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น หลักการพื้นฐานของยูโดเป็นเทคนิคการป้องกันตัวเองและโจมตีคู่ต่อสู้ในเวลาเดียวกัน   ยูโดใช้วิธีการโอนอ่อนผ่อนตาม หรือที่เรียกว่า “หนทางแห่งความสุภาพ” และมีการปรับระดับขั้นเข็มขัดเป็นสีต่างๆ เพื่อแยกระดับความเก่ง
All Japan Judo Federation (Japanese)
สถานที่ดูกีฬาต่างๆ https://www.jnto.go.jp/eng/location/rtg/pdf/pg-807.pdf
ประสบการณ์เกี่ยวกับวัฒนธรรมดั้งเดิมอื่นๆ ของญี่ปุ่นhttp://japan-magazine.jnto.go.jp/en/1409_taiken.html

ข้อมูล ณ วันที่ 5 พฤษภาคม 2015